กุยช่าย ( Chinese Chives ) กุยช่ายเป็นพืชที่มีไขมันและน้ำตาลต่ำ ทั้งยังอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญ วิตามินเอ วิตามินเค วิตามินซี มีส่วนสำคัญต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและการเจริญเติบโต จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอภายในร่างกาย ช่วยให้เลือดแข็งตัว ป้องกันภาวะมีเลือดออกได้ง่าย ช่วยในการทำงานของสมองและระบบประสาท รักษาระดับความดันโลหิต กากใยอาหาร ดีต่อระบบขับถ่าย ช่วยป้องกันปัญหาท้องผูก
ต้องเป็นพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่มีช่วงแสงสั้น อุณหภูมิต่ำ 20-25 องศาเซลเซียส สามารถปลูกในดินที่ร่วนปนทราย มีหน้าดินหนา อินทรียวัตถุสูง ระบายน้ำได้ดี ค่า pH ของดินอยู่ระหว่าง 6.5 ถึง 6.8
การเพาะเมล็ดในถาดเพาะกล้า นำดินสำหรับเพาะกล้าในลงหลุมถาดเพาะ แล้วนำเมล็ดกุยช่ายหยอดลงในหลุม 3 ถึง 5 เมล็ด ต่อหลุม จากนั้นกลบด้วยดินที่ใช้เพาะกล้าบางๆ รดน้ำพอชุ่ม คลุมด้วยฟางข้าวแห้ง นำถาดเพาะกล้าไปวางไว้ในที่ร่มมีอากาศถ่ายเทที่ดี รดน้ำทุกวันในตอนเช้า เมล็ดจะงอกภายใน 7 ถึง 14 วัน ในระยะนี้ควรรักษาความชื้นให้สม่ำเสมอ จนอายุกล้าประมาณ 50 ถึง 60 วัน จึงสามารถนำไปปลูกได้
1.เริ่มจากเตรียมกระถาง กระบะ หรือภาชนะที่มีความลึกอย่างน้อย 30 เซนติเมตร ผสมดินสำหรับปลูก โดยใช้ดิน 1 ส่วน ปุ๋ยหมัก/ปุ๋ยคอก 1 ส่วน และแกลบดำ 1 ส่วน ผสมส่วนผสมทั้งหมดลงดิน แล้วใส่ลงในกระถาง
2.การปลูก นำกล้าลงปลูกใช้ระยะปลูก 30 x 30 เซนติเมตร หลุมละ 3 ถึง 4 ต้น แล้วแต่ขนาดของภาชนะที่ต้องการจะปลูก รดน้ำให้ชุ่ม กุยช่ายจะอยู่ได้ 3 ถึง 4 ปี แล้วแยกกอปลูกแปลงใหม่
การให้น้ำ รดน้ำกุยช่ายวันละ 1 ครั้ง ทุกวัน ในตอนเช้า กุยช่ายชอบน้ำชุ่มแต่ไม่แฉะ ไม่ขัง
การให้ปุ๋ย หลังย้ายปลูก 7 วัน หลังการให้ปุ๋ยครั้งแรก ให้ปุ๋ยทุก 3 เดือน ใส่ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอก
การเก็บเกี่ยว กุยช่ายเขียวจากการเพาะเมล็ดสามารถตัดใบจำหน่ายได้หลังปลูกประมาณ 7 ถึง 8 เดือน และครั้งต่อไปประมาณ 45 วัน วิธีการเก็บเกี่ยว ใช้มีดคมๆ ตัดโคนชิดดิน นำไปล้างน้ำ ตัดแต่งใบ ลอกใบที่ถูกทำลายหรือใบล่างที่มีสีเหลืองออก
กุยช่าย ผักกลิ่นหอมที่สามารถกินสด ๆ เป็นเครื่องเคียง และนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นผัดกุยช่าย ขนมกุยช่าย หรือกุยช่ายทอด แต่รู้หรือไม่ว่า กุยช่ายยังถูกนำมาใช้เพื่อสรรพคุณทางยามาแต่โบราณกาลด้วย เช่น เพิ่มความต้องการทางเพศ ป้องกันโรคหลอดเลือด รักษาเบาหวาน บำรุงตับ เป็นต้น
หลายคนมักสับสนระหว่างกุยช่ายกับต้นหอม เพราะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน เพียงแต่ใบกุยช่ายจะมีลักษณะแบนกว่า และมีดอกเล็ก ๆ สีขาวอยู่ตรงปลาย ซึ่งสามารถนำไปกินได้เช่นกัน
สารอาหารในกุยช่าย
กุยช่ายเป็นพืชที่มีไขมันและน้ำตาลต่ำ ทั้งยังอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญ ดังต่อไปนี้
กุยช่าย กับความเชื่อด้านสรรพคุณบำรุงสุขภาพ
แม้สรรพคุณทางยาของกุยช่ายจะเป็นที่กล่าวถึงตามตำรับยาจีน และถูกนำมาใช้บำรุงสุขภาพตั้งแต่ยุคโรมันโบราณ แต่การศึกษาทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับพืชชนิดนี้ในปัจจุบันก็ยังมีจำนวนน้อย โดยคุณประโยชน์ของกุยช่ายที่พอจะมีการพิสูจน์ให้เห็น มีดังนี้
เพิ่มความต้องการทางเพศ ตามตำรับยาจีน กุยช่ายถูกใช้เพื่อเสริมความต้องการทางเพศและรักษาภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งในช่วงหลังมานี้มีงานวิจัยบางส่วนที่กล่าวสนับสนุนว่ากุยช่ายอาจมีคุณสมบัติด้านนี้จริง
โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งทดลองให้หนูตัวผู้กินสารสกัดจากเมล็ดกุยช่าย ผลลัพธ์พบว่าสารสกัดดังกล่าวช่วยเพิ่มความต้องการทางเพศได้ทั้งหนูที่เสื่อมสมรรถภาพทางเพศและหนูที่มีสมรรถภาพทางเพศเป็นปกติ เช่นเดียวกับการทดลองอีกชิ้นหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ที่พบว่าหนูตัวผู้และตัวเมียที่กินสารสกัดจากกุยช่ายมีความตื่นตัวทางเพศมากขึ้น
ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่าสารสกัดจากกุยช่ายอาจเป็นตัวเลือกทางธรรมชาติที่มีประโยชน์และปลอดภัยต่อผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสมรรถภาพทางเพศ อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไปอีกมาก เนื่องจากงานวิจัยที่มีในปัจจุบันล้วนทดสอบกับหนูทดลอง และยังไม่อาจยืนยันได้ว่าหากนำมาใช้กับคนจะให้ผลลัพธ์ในแบบเดียวกัน
ป้องกันโรคหลอดเลือด นักวิจัยสันนิษฐานว่ากุยช่ายอาจมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ และมีประโยชน์ต่อระบบไหลเวียนโลหิต เนื่องจากมีการศึกษาในหลอดทดลองโดยใช้สารสกัดกุยช่ายหยดลงบนเซลล์หลอดเลือดที่ทำงานผิดปกติ พบว่าสารสกัดกุยช่ายมีฤทธิ์ยับยั้งการอักเสบที่เกิดจากโรคหลอดเลือด และอาจช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็งในระยะเริ่มต้นได้ ทว่างานวิจัยนี้ไม่ได้ให้ผู้ป่วยโรคนี้กินสารสกัดดังกล่าวโดยตรง จึงยากจะยืนยันได้ว่ากุยช่ายมีประสิทธิภาพและปลอดภัยจริงหากนำไปใช้กับคน
ต้านเบาหวานและภาวะพิษต่อตับ สรรพคุณต่อสุขภาพอีกหนึ่งอย่างของกุยช่ายที่มีงานวิจัยค้นพบ คือ อาจช่วยต้านโรคเบาหวานและภาวะพิษต่อตับ โดยนักวิจัยคาดว่าอาจเป็นผลมาจากคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบของกุยช่าย แต่งานวิจัยดังกล่าวทดลองกับหนูที่เป็นเบาหวาน จึงยังไม่อาจให้ข้อสรุปที่แน่ชัดได้จนกว่าจะมีการค้นคว้าและผลการทดลองที่น่าเชื่อถือต่อไปในอนาคต
กินกุยช่ายอย่างไรให้ได้ประโยชน์ที่สุด ?
เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ ควรเลือกซื้อและเก็บถนอมกุยช่ายสดตามคำแนะนำต่อไปนี้
ข้อควรระวังในการใช้กุยช่ายเพื่อประโยชน์ทางการรักษา
การกินกุยช่ายในปริมาณของอาหารทั่วไปในชีวิตประจำวันนั้นปลอดภัยต่อสุขภาพ แต่หากกินมากเกินไปอาจทำให้ท้องเสียได้ ส่วนหญิงตั้งครรภ์และผู้ที่ต้องให้นมบุตรก็กินผักชนิดนี้ได้ตามปกติ ทว่าควรหลีกเลี่ยงการกินในปริมาณที่มากเกินไปหรือการใช้เป็นยา เพราะยังไม่มีข้อมูลที่ยืนยันความปลอดภัยได้อย่างแน่ชัดหากใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการรักษา และควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอหากต้องการทดลองใช้กุยช่ายเพื่อรักษาโรคหรือบำรุงสุขภาพ
ขอขอบคุณบทความและภาพจาก
https://www.railungtop.com/
และ
https://www.pobpad.com/กุยช่าย-คุณค่าทางอาหารแ