ช่วงนี้ฝนตกบ่อยๆ ต้นกล้วยน้ำว้าที่ปลูกเอาไว้ก็เริ่มทยอยออกเครือกันยกใหญ่เลยค่ะ ส่วนตัวเราเป็นคนชอบกินกล้วยมากๆ โดยเฉพาะกล้วยน้ำว้าเพราะรสชาติหวาน ทานอร่อย กินได้ทุกวันแถมยังนำมาทานอาหารได้หลากหลายเมนู แต่นอกจากความอร่อยกล้วยน้ำว้ายังมีคุณประโยชน์ที่น่าสนใจซ่อนอยู่เยอะมากๆ เลยล่ะ ความเจ๋งก็คือกล้วยน้ำว้าแต่ละเฉดสียังให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายที่แตกต่างกันออกไปด้วย ซึ่งเรามองว่ามันเป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์จากธรรมชาติสุดๆ กล้วยน้ำว้าแต่ละสี แต่ละระดับความสุกมีประโยชน์อย่างไร ต้องกินแบบไหนมาตามไปดูกันได้เลยค่ะ
1.กล้วยน้ำว้าดิบ กล้วยน้ำว้าสีเขียว
เดี๋ยวนี้เราเจอเยอะมากๆ กับคนที่มาแบ่งปันผลลัพธ์ที่ได้จากการกินกล้วยดิบ ซึ่งการกินกล้วยดิบที่ว่าไม่ใช่การกินทั้งผลสดเลยนะคะเพราะแบบนั้นมันจะเหนียวและเฝื่อนสุดๆ ดีไม่ดีมียางจากเปลือกกล้วยมากัดปากได้ด้วย วิธีการกินกล้วยน้ำว้าดิบคือการเอากล้วยน้ำว้ามาปอกเปลือกจากนั้นหั่นเป็นชิ้นบางๆ แล้วนำไปตากแดดจนแห้งดี แล้วเอามาบดหรือตำจนได้ผงกล้วยน้ำว้าดิบพร้อมใช้ หรือตอนนี้มีผงกล้วยน้ำว้าดิบวางขายออนไลน์เยอะมากๆ วิธีการดื่มคือเอาผงกล้วยน้ำว้าดิบผสมกับน้ำอุ่นๆ ประมาณ 1 แก้ว คนจนเข้ากันดีหรืออาจเพิ่มน้ำผึ้งลงไปด้วยสัก 1-2 ช้อนชาเพื่อปรับรส ใช้ดื่มตอนท้องว่างๆ หรือก่อนมื้ออาหาร โดยสารแทนนิน (Tannin) ที่เป็นสารให้ความฝาดในกล้วยน้ำว้าดิบเขามีคุณสมบัติช่วยเคลือบกระเพาะ ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องและอาการกรดไหลย้อนได้เป็นอย่างดี มีคนใกล้ตัวเราที่เป็นกรดไหลย้อนบ่อยๆ และกินผงกล้วยน้ำว้าดิบอยู่เป็นประจำก็พบว่าช่วยบรรเทาความรุนแรงของโรคได้ดีค่ะ อาการแสบร้อนช่วงอกและลำคอดีขึ้น ทั้งนี้ก็ไม่แนะนำให้กินผงกล้วยน้ำว้าดิบเยอะๆ หรือกินต่อเนื่องกันทุกวันเป็นเวลานานเพราะอาจทำให้ท้องผูก ขับถ่ายยากไปแทนได้
2.กล้วยน้ำว้าห่าม กล้วยน้ำว้าสีเขียวออกเหลือง
กล้วยห่ามๆ นี่แหละค่ะที่เรากินบ่อยๆ โดยเฉพาะเมนูกล้วยปิ้ง กล้วยย่าง กล้วยนึ่งกินกับมะพร้าวขูดก็อร่อยมากๆ กล้วยห่ามเป็นกล้วยที่เพิ่งเริ่มสุกใหม่ๆ เมื่อเอามาปรุงให้สุกจะไม่เละ ไม่เสียรูปมากเกินไปค่ะหรือใครจะทานกล้วยห่ามสดๆ ก็ได้เหมือนกันค่ะเพราะตอนนี้สามารถปอกเปลือกได้ง่ายไม่เหมือนตอนยังดิบอยู่ รสชาติจะมีความหวานแซมเข้ามานิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้เฝื่อนมาก กล้วยน้ำว้าห่ามเขาจะมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งเจ้าโพแทสเซียมนี้ดีมากสำหรับคนที่มีปัญหาความดันโลหิตสูงเพราะโพแทสเซียมมีส่วนเกี่ยวข้องกับการยืดหดตัวของกล้ามเนื้อในร่างกายโดยเฉพาะกล้ามเนื้อหัวใจ ส่งผลให้หัวใจบีบและหดตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้เราควบคุมระดับความดันโลหิตได้ดีขึ้นค่ะ นอกจากนี้กล้วยห่ามยังมีปริมาณน้ำตาลแฝงน้อยกว่ากล้วยสุกเพราะแป้งเริ่มเปลี่ยนไปเป็นน้ำตาลแค่เพียงเล็กน้อยจึงเหมาะกับคนที่ควบคุมน้ำตาลด้วยเช่นเดียวกัน ที่บ้านเราจะเริ่มกินกล้วยตั้งแต่ตอนห่ามๆ เป็นต้นไปค่ะ เป็นของว่างเพื่อสุขภาพที่กินได้ทุกวัยเลยทีเดียว
ข้อควรระวังการกินกล้วยห่าม เพราะในกล้วยห่ามจะมีโพแทสเซียมอยู่เยอะดังนั้นแล้วจึงไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง เนื่องจากไตจะขับเอาโพแทสเซียมส่วนเกินออกไม่ทันจนทำให้เกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง อาจส่งผลให้หายใจไม่สะดวก อ่อนเพลีย หรือในขั้นที่รุนแรงหน่อยก็อาจทำให้ชีพจรเต้นช้าลงหรือหัวใจหยุดเต้นซึ่งอันตรายมากๆ ค่ะ
3.กล้วยน้ำว้าสุก กล้วยน้ำว้าสีเหลือง
กล้วยน้ำว้าสุกเป็นกล้วยที่หลายๆ คนต่างคุ้นเคยกันอย่างแน่นอนค่ะเพราะกล้วยน้ำว้าสุกนั้นมีรสหวาน ทานง่าย เป็นแหล่งพลังงานที่พร้อมใช้ อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่จากธรรมชาติอย่างครบครัน ตอบโจทย์มากสำหรับคนที่กำลังดูแลสุขภาพและต้องการลดน้ำหนัก โดยเราจะกินกล้วยน้ำว้า 1-2 ผลก่อนออกกำลังกายประมาณ 30-40 นาที เพื่อทำให้มีเรี่ยวแรงออกกำลังกายหรือใช้กินหลังออกกำลังกาย (post workout) ก็เป็นการเติมพลังงานและสารอาหารจำเป็นกลับเข้าร่างกายได้อย่างรวดเร็วเลยเหมือนกัน นอกจากนี้กล้วยน้ำว้าสุกยังมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ เพราะมีสารเพกติน (Pectin) ที่มีลักษณะเป็นเส้นใยช่วยเพิ่มมวลของกากอาหารบริเวณลำไส้ใหญ่และยังเป็นอาหารให้กับโพรไบโอติกส์ที่เป็นแบคทีเรียชนิดดีที่พบในระบบย่อยอาหาร เมื่อสมดุลลำไส้เราดี การขับถ่ายก็จะเข้าสู่สภาวะปกติ สำหรับคนที่ท้องผูกถ่ายยากและไม่อยากใช้ยา เราแนะนำให้กินกล้วยน้ำว้า 1-2 ผลในตอนเช้าตามด้วยน้ำอุ่นสัก 1 แก้ว จะช่วยกระตุ้นให้ขับถ่ายดีขึ้นจริงๆ ทำติดต่อกันสักประมาณ 3-4 วันก็จะเริ่มเห็นผล
4.กล้วยน้ำว้างอม กล้วยน้ำว้าสีเหลืองผสมน้ำตาลเข้ม
เราเป็นอีกคนที่กินกล้วยน้ำว้างอมค่ะเพราะมองว่าเนื้อของกล้วยยิ่งหวาน อร่อยดี กล้วยน้ำว้างอมมีประโยชน์เพราะสาร Tumor Necrosis Factor (TNF) ที่จะเข้าไปช่วยเพิ่มปริมาณเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เปรียบเสมือนทหารคอยปกป้องร่างกายของเราให้เพิ่มมากขึ้น ทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง เจ็บป่วยได้ยาก นอกจากนี้ในกล้วยงอมจัดๆ ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่สูงมากๆ ด้วยค่ะ ทั้งนี้เราแนะนำว่าให้กินกล้วยงอมๆ ที่ไม่มีรอยแตก รอยช้ำ รอยเน่า เปลือกกล้วยยังไม่ล่อนออกจะปลอดภัยกว่า ถ้ากล้วยน้ำว้างอมที่สภาพไม่ดีแล้วก็ไม่ควรกินเพราะอาจทำให้ปวดท้องได้ อีกหนึ่งสิ่งที่อยากให้ระวังคือปริมาณน้ำตาลในกล้วยงอมค่ะ เพราะแป้งในกล้วยถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลแบบเต็มที่แล้วทำให้ในกล้วยงอมน้ำว้าที่งอมจัดๆ มีปริมาณน้ำตาลเยอะมาก ผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือคนที่ต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดแนะนำว่าให้เลี่ยงการกินกล้วยน้ำว้าที่สุกจัดๆ ในปริมาณมากจะดีกว่าค่ะ
และนี่ก็เป็นประโยชน์ของกล้วยน้ำว้า 4 สี ใน 4 ระดับความสุกที่บอกเลยว่าน่าสนใจมากๆ อย่างไรก็ตามแนะนำว่าให้กินกล้วยแต่ละสีในปริมาณที่พอเหมาะ ถึงแม้จะเห็นว่ามีสรรพคุณมากแค่ไหนก็ตามแต่ถ้าเรากินเยอะเกินไปรับรองว่าข้อเสียมาเต็มแน่นอน ทั้งอาการจุกเสียดแน่นท้อง ท้องผูกถ่ายยาก แคลอรีและน้ำตาลสูงจนทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ ผู้ป่วยบางโรคอย่างเช่น โรคความดันสูง โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ควรระมัดระวังในการกินกล้วยน้ำว้าโดยเฉพาะกล้วยน้ำว้าที่เริ่มมีสีเหลืองมากๆ นอกจากนี้อย่าลืมออกกำลังกาย ควบคุมอาหารอื่นๆ ให้ดีไปด้วยเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาวค่ะ
ขอบคุณภาพและบทความจาก
ภาพหน้าปกภาพที่1 โดย Stopboxstudio ภาพที่2 โดย TPAP8228ภาพที่3 โดย justhavealook ภาพที่4 โดย prwstd จาก canva
ภาพในเนื้อหาทั้งหมด โดย ผู้เขียน Onetotea92
และhttps://women.trueid.net/detail/LlBaNrW8NZW5