สังเกตว่าลักษณะเด่นของเห็ดชนิดนี้คือ การมีร่างแหสวยงามเป็นองค์ประกอบนอกจากจะมีส่วนที่เป็นดอกเห็นและก้าน .. เรียกขานกันหลายชื่อ รวมถึง Bamboo mushroom , Dancing mushroom , Veiled lady mushroom หรือ Netted stinkhorn mushroom (Dictyophora indusiata (Pers.) ดูจากชื่อก็จะเดาได้ว่า เห็ดชนิดนี้มีลักษณะเป็นอย่างไร??
เห็ดเยื่อไผ่ /เห็ดร่างแห มีลักษณะเป็นดอกเดี่ยว หมวกเห็ดสีคล้ำและก้านมีสีขาวดูคล้ายฟองน้ำ มีร่างแห คล้ายตาข่ายมีรูพรุนในเส้นตาข่าย ทำให้ตาข่ายดูโปร่งบาง ร่างแหมีสีต่างๆกัน เช่นสีขาว สีเหลืองส้ม คลุมจากด้านล่างของหมวกเห็ด ลักษณะคล้ายสุ่มล้อมรอบก้านดอกเห็ด ทำให้เมื่อยามลมพัดก็จะปลิวไหวล้อลม ดูอ่อนช้อยคล้ายกับกระโปรง ร่ายรำไหวไปมา หรือการมีร่างแห ดูแล้วคล้ายกับผ้าคลุมบางๆปิดหน้าของหญิงสาวในพิธีแต่งงาน (ตามแบบพิธีทางซีกโลกตะวันตก) บางครั้งกลิ่นก็เป็นที่มาของชื่อ เห็ดเยื่อไผ่ที่เห็นในภาพ มีกลิ่นฉุนเฉียว ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อล่อให้แมลงเข้ามาตอม โดยเฉพาะน้ำเหนียวๆที่สวนหมวกเห็ดและร่างแห ทำให้สปอร์จะติดไปกับ แมลงตามกลิ่นเข้ามาทักทาย ย้ายที่ไปยังตำแหน่งต่างๆของร่างแห ( เห็ดเยื่อไผ่ ในภาพ นับแมลงได้ไม่น้อยกว่า 20 ตัว พบทั้งในส่วนหมวกเห็ด และร่างแห ...สีแดงของตาแมลงวันดูจะตัดกันกับสีเหลืองของตาข่าย.. เห็นได้ชัดเจน )
การเจริญเติบโตของเห็ดชนิดนี้ในธรรมชาติ... พบได้ในระบบนิเวศที่กระจายตามภูมิภาคต่างๆของโลก ทั้งเอเชีย อเมริกา อาฟริกา และมีการบันทึกไว้ ทำให้มองเห็นภาพเคลื่นไหว บ่งชี้การพัฒนาในแต่ละส่วนของเห็ดที่น่าสนใจยิ่ง
การเจริญเป็นดอกเห็ดได้ในธรรมชาติ พบได้เฉพาะช่วงเวลาหนึ่งๆในรอบปี เมื่อมีสภาพแวดล้อมเหมาะสม สังเกตได้ว่าหลังสภาพอากาศร้อนอบอ้าว ติดต่อกันระยะหนึ่ง จากนั้นตามด้วยมีฝนตก สปอร์ของเห็ดที่บ่มเพาะ สร้างเส้นใย (ไมซีเลียม) จากพื้นด้านล่าง ในตำแหน่งที่มีซากใบไม้ทับถม รวมถึงมีสภาพความชื้นสัมพัทธ์ เหมาะสม และแหล่งอาหารที่เกื้อกูลต่อการเจริญ ส่วนใหญ่พบได้บริเวณที่มีซากใบไผ่ ตัวอย่างที่เก็บได้ พบบริเวณรอบโคนต้นไผ่ที่ทับถมด้วยใบไผ่ที่ผุสลาย และเป็นดอกเห็ดที่ออกดอกช่วงเดือน ธันวาคม ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว เเริ่มต้นฤดูฝนของภาคใต้ตอนล่าง..หากพบหนึ่งดอกก็มองหาดอกอื่นๆในบริเวณใกล้ๆกัน
เห็ดร่างแห /เยื่อไผ่... พบได้ในทุกภาคของไทย มีรายงานว่าพบได้หลายชนิด คือมีชนิดที่ร่างแหสีขาว สีเหลือง หรือ สีแดง และ เฉพาะที่มีร่างแหสีขาว ยังมีชนิดที่มีความสั้น ยาวของร่างแหต่างกัน มีทั้งชนิดที่นำไปปรุงเป็นอาหารได้ แต่ในขณะที่บางชนิดเป็นพิษ ส่วนชนิดที่นิยมนำมาปรุงอาหารได้แก่ เห็ดเยื่อไผ่ชนิดที่มีร่างแห สีขาว ทั้งชนิดความยาวของร่างแหสั้นและร่างแหยาว..
ประโยชน์ของเห็ดเยือไผ่ชนิดสีขาว ..มีคุณค่าทางอาหารสูง มีโปรตีน 15-18 % และมีกรดอะมิโนถึง 16 ชนิด ที่เป็นชนิดที่ร่างกายสร้างไม่ได้ 7 ชนิด และมีวิตามินบี 2 ค่อนข้างสูง และเป็นที่นิยมบริโภค (http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/2190/)
ซึ่งมีรายงานการใช้เห็ดเยื่อไผ่ปรุงอาหาร ที่บำรุงร่างกาย ใช้เป็นยาและนำมาประกอบอาหารมาเป็นเวลานาน ในประวัติศาสตร์ของจีนกล่าวถึงไว้ เป็นสามพันปี มีสรรพคุณมากมายและจัดเตรียมให้เป็นยาอายุวัฒนะให้กับชนชั้นปกครอง ปัจจุบันนี้มีเห็ดชนิดนี้เพาะขาย ซึ่งในระยะแรกๆราคาต่อกิโลกรัมแพงมาก ปัจจุบันนี้ก็หาซื้อได้ไม่ยากนัก ส่วนประโยชน์ต่อสุขภาพ ...จากรายงานการวิจัยพบว่าสารเคมีในเห็ดร่่่างแหที่กินได้ ช่วยลดไขมันชนิดไม่ดี, LDL (low density lipoprotein) ในเลือด และเพิ่ม HDL (high density lipoprotein) รวมทั้งมีผลดีต่อระบบภุมิคุ้มกันในร่างกาย http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3136395/?tool=pubmed
เมื่ออาหารจานนี้ถกนำมาเสิร์ฟ ..เห็นครั้งแรก ก็เป็นที่สงสัยว่า....เยื่อไผ่..??? ไม่ใช่คือสิ่งที่เห็น....หลังจากแสดงความคิดเห็นกัน ถึงลักษณะ .. เยื่อไผ่...จนในที่สุดกลับมาค้นคว้า จึงทราบว่า ถ้าเรียกให้ถูก ก็คือ “ซุปเห็ดเยื่อไผ่”.. ส่วนที่นำมาบริโภคคือส่วนร่างแห สีขาว และ เมื่อมีโอกาสซื้อเห็ดร่างแหมาปรุงเอง ก็จะเห็นว่า ส่วนร่างแหของเห็ดจะเป็นลักษณะเห็ดแห้ง และถูกบรรจุในซองพลาสติก เมื่อนำออกมาแช่น้ำ ก็จะอุ้มน้ำ ก่อนใช้บีบน้ำออก ก็พร้อมใช้ปรุงอาหารได้ ...นุ่มน่ารับประทาน....โปรดสังเกต กินได้เฉพาะเห็ดเยื่อไผ่สีขาว เท่านั้น
แมลง...ที่พบได้ในบริเวณร่างแห ซึ่งลักษณะคล้ายโซ่ที่ร้อยต่อเชื่อมกัน มีรูพรุนในความหนาของตาข่ายและมีสารเหนียว
ความเข้าใจที่ว่าเห็ดพิษ คือเห็ดที่มีสีสันสดใส อาจจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะบางชนิดที่สีสันธรรมดา คล้ายเห็ดทั่วไป ก็เป็นเห็ดพิษที่เป็นอันตรายหากนำมาบริโภค แต่เป็นข้อสังเกตว่า เห็ดพิษมักมีสีสันแปลกตา อย่างไรก็ตาม สารที่ออกฤทธิ์ในเห็ดพิษเหล่านี้ อาจจะมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ หากนำมาใช้ในปริมาณที่เหมาะสม (ตามหลักการ ความสัมพันธ์ของปริมาณสารกับการตอบสนอง...Dose response relationship) จึงไม่ใช่เพื่อการบริโภคอย่างเดียว พิษจากสารในเซลล์อาจจะมีคุณประโยชน์ทางการรักษา หรือเยียวยาความผิดปกติของร่างกาย โดยเฉพาะมีรายงานการวิจัยว่า สารสกัดของเห็ดฃนิดนี้ มีคุณสมบัติทำให้ก้อนเนื้องอก ลดขนาดลง
http://tropicalbiology2012.providence.wikispaces.net/Veiled+Lady+Fungi
จึงเป็นโอกาสในการศึกษาวิจัย ต่อยอดต่อไป...โปรดสังเกต..เห็ดเยื่อไผ่ีสีเหลือง กินไม่ได้..กินแ้ล้วเมา มีพิษ แต่มีประโยชน์ด้านอื่นๆ..
แมลงที่พบได้ในตำแหน่งของหมวกเห็ด มีสารเหนียวๆและมีกลิ่น
สารพิษที่ก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อผู้บริโภค ขึ้นกับว่าชนิดของสารพิษในเห็ดแต่ละชนิดจะออกฤทธิ์อย่างไร ในระยะนี้ ได้ยินข่าวการรับประทานเห็ดพิษ จนเป็นสาเหตุของการได้รับอันตราย มีอาการหลากหลายเนื่องมาจากสารพิษในเห็ด เหล่านั้น ส่วนใหญ่เป็นเห็ดป่าที่เจริญได้ดี เมื่อย่างเข้าฤดูฝน ซึ่งขณะนี้เริ่มต้นแล้วในภาคเหนือ อีสาน เห็ดป่า เจริญงอกงาม จนอดใจไม่ไหว ที่จะเก็บมารับประทานหรือ ซื้อขายในห้องตลาด และเนื่องจากเป็นเห็ดป่าผู้บริโภคจึงต้องรู้จักเห็ดเหล่านั้นดีพอ เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่สั่งสม มารุ่นต่อรุ่น ใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน จึงควรระมัดระวังที่จะไม่เก็บเห็ดผิดชนิด ซึ่งในธรรมชาติมีลักษณะที่คล้ายกันมาก ส่วนการรักษาอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นมีรายงานกล่าวได้มากมาย ในช่วงฤดูฝนเริ่มต้น แพทย์เตือน! หน้าฝนเห็ดชุกก่อนรับประทานต้องระวัง หากกินเห็ดพิษเข้าไปอันตรายถึงชีวิต
ขอบคุณภาพและบทความจาก
https://sites.google.com/view/burongtani/human-and-birds/biodiversity-story/
ผู้เขียน: ผศ.ดร.วรรณชไม การถนัด | เขียนเมื่อ: 14 มิถุนายน 2556